ไดโนเสาร์ไม่ได้หายไป

วันนี้ ความรู้ทั่วไป ที่เรานั้นจะนำมาเล่า เป็นเรื่องราวของการที่ ไดโนเสาร์ไม่ได้หายไป แต่มันแฝงอยู่ในตัวเรานั่นเอง เอ๊ะ เรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามอ่านกันได้ในบทความนี้ค่ะ แต่ก่อนที่เรานั้นจะไปอ่านบทความที่น่าสนใจนี้ ก่อนอื่นเลยต้องขอแนะนำบทความที่ทุกคนไม่ควรพลาดอย่าง พิธีฮัจย์ คืออะไร

และต้องขอขอบคุณทาง เครดิตฟรี50 ที่คอยสนับสนุนทางเรามาโดยตลอดด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้กันเลยดีกว่าจ้า

ไดโนเสาร์ไม่ได้หายไป แต่มันแฝงอยู่ในตัวเรา

ไดโนเสาร์ไม่ได้หายไป

ก่อนที่เรานั้นจะไปตามหากันว่าไดโนเสาร์นั้นแฝงตัวอยู่ตรงไหน ก่อนอื่นเลยเราต้องมาคุยกันให้เข้าใจก่อนว่าไดโนเสาร์นั้นคืออะไรกันแน่ เราพึ่งจะมาเข้าใจว่าไดโนเสาร์นั้นคืออะไรเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นคนโบราณก็จะมีการไปขุดเจอฟอสซิลใด ๆ โดยจะต้องมานั่งจินตนาการว่าตัวนี้มันคืออะไรกันแน่

ซึ่งก็ไปตั้งกันว่าเป็นมังกรอะไรก็ว่ากันไปค่ะ อย่างไรก็ตามวันหนึ่งนักวิทยาศาสตร์เขาก็พึ่งสังเกตว่ามันไม่ใช่ช้างศึกในยุคโรมันแล้วมันก็ไม่ใช่กระดูกของมังกรด้วย แต่มันเป็นกระดูกของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดเลยก็ว่าได้ค่ะ มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนช้าง แต่มันเป็นสัตว์เลื้อยคลาน นั่นเองค่ะ

ในปีค.ศ. 1842 ก็มีนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งอย่าง Richard Owen เขานั้นได้ฟันธงว่านี่จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานโบราณที่ใหญ่ที่สุด เขาก็เลยตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตนี้ว่า ไดโนเสาร์ นั่นเองค่ะ โดยคำนี้มีที่มาจาก Deinos+Sauros นั่นเองค่ะ โดย Deinos มาจากคำว่าน่ากลัว ส่วน Sauros นั้นเป็นสัตว์ในตระกูลกิ้งก่า

และคำนี้มันก็กลายมาเป็นคำเรียกของเราในปัจจุบันนั่นเองค่ะ แต่หลายคนนั้นสงสัยว่าทำไมหน้าตาสัตว์บางตัวนั้นมีความไม่คล้ายคลึงกันเลยทำไมถึงเรียกรวม ๆ ว่าไดโนเสาร์ มันมีอะไรร่วมกันถึงสามารถใช้คำนี้ได้ ที่ใช้คำนี้ได้เพราะว่ามีบรรพบุรุษร่วมกันก็คือ Archosaur ที่มีชีวิตใน 252 ล้านปีก่อน

แล้วหลังจากนั้นก็แตกสายวิวัฒนาการ ซึ่งสาเหตุที่มันแตกสายนั้นก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงไปของโลกนั่นเองค่ะ วิวัฒนาการนั้นออกมาแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม ช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์นั้นครองโลกเรานั้นเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก โดยใช้เวลาเดินเผ่นผ่านอยู่ในโลกเราถึง 186 ล้านปีเลยทีเดียวค่ะ

อยู่ตั้งแต่ 252-66 ล้านปีก่อนนั่นเองค่ะ ยุคที่มีไดโนเสาร์นั้นไม่ได้มีแค่ยุค Jurassic เท่านั้นนะคะทุกคน คำถามคือแล้วสัตว์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ เดินเผ่นผ่านบนโลกขนาดนี้ แล้วมันหายไปไหนกัน คำตอบแรกเลยก็คือ การสูญพันธุ์ นั่นเองค่ะ ก็อย่างที่เรานั้นได้ยินกันมานั่นแหละค่ะ

สาเหตุการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์นั้นก็มีหลากหลายเอามาก ๆ ที่เขานั้นพยายามที่ตั้งทฤษฏีกันขึ้นมาค่ะ เนื่องจากว่ามันก็ไม่ได้มีหลักฐานเหลือมาให้เราจนถึงปัจจุบันนี้นะคะ แต่เรื่องที่เขานั้นเล่ากันมาเนิ่นนานนั้นจะเป็นเรื่องของอุกกาบาตตกลงมา

ซึ่งอุกกาบาตลูกนั้นมีขนาดใหญ่มากเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 9.7 กม. เลยทีเดียวค่ะทุกคน ดังนั้นนี่อาจจะเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ว่าทำไมไดโนเสาร์สูญพันธุ์นั่นเองค่ะ ซึ่งว่ากันว่ามันได้ตกลงมาที่หลุมซีคซูลุบ ที่บริเวณคาบสมุครยูกาตัน ประเทศเม็กซิโก นั่นเองค่ะ

แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเชื่อกันว่ามีไดโนเสาร์บางตัวที่รอดจากเหตุการณ์สูญพันธุ์ครั้งนั้นด้วยเช่นกันค่ะ และไดโนเสาร์ส่วนใหญ่ที่รอดมาได้นั้น เป็นพันธุ์ที่มีขนค่ะทุกคน แต่ไดโนเสาร์ที่ว่ามีขนนี่ไม่ได้มีขนแบบหมีแต่อย่างใด แต่เป็นขนแบบขนไก่นั่นเองค่ะ

ซึ่งไดโนเสาร์ที่รอดมาได้เขาจะเรียกว่ากลุ่ม Theropod ค่ะ เป็นพวกไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก ดังนั้นมันไม่ได้เหมือนไดโนเสาร์คอยาวที่ได้สูญพันธุ์ไปเพราะว่าพวกนั้นเหมือนกับว่าต้องใช้พลังงานเยอะในการกินแต่ละครั้งค่ะ เจ้าพวกนี้มีการปรับตัวที่เก่งมาก จากตัวใหญ่ก็ได้ปรับตัวให้ตัวเล็กลง ๆ

มันได้หดตัวจนตัวเล็กลงจนเป็นสัตว์เลื้อยคลานบินได้มีขน ที่สามารถเดินได้ 2 ขานั่นเองค่ะ ซึ่งใช่แล้วค่ะมันได้วิวัฒนาการมาเป็นบรรพบุรุษของเหล่านกนั่นเองค่ะที่ชื่อว่า Archaeopteryx โดยเขานั้นเชื่อกันว่ามันเป็นบรรพบุรุษตัวแรกของนกตัวแรกของโลกเลยก็ว่าได้

ซึ่งหลังจากนั้นนกมันก็ได้แตกสายวิวัฒนาการไปทั่วเหมือนที่เราได้เห็นปัจจุบันนั่นเองค่ะ ปัจจุบันนี้นกก็เหมือนกับไดโนเสาร์ที่มีวิวัฒนาการอยู่ได้มาถึงปัจจุบันนี้ จากปัญหาของสิ่งแวดล้อมและปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายนะ ครั้งหน้าเราจะพาทุกคนไปติดตามเรื่องอะไรที่น่าสนใจอีกนั้น

ใครที่ชื่นชอบบทความของทางเราก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ หรือใครอยากให้เราเอาเรื่องสาระความรู้อันไหนที่น่าสนใจก็สามารถรีเควสกันมาได้นะคะ เดี๋ยวเราจะให้ทีมงานหลังบ้านนั้นเตรียมข้อมูลจากหลายแหล่งมาสรุปให้คนอ่านได้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลายาวนานในการสืบค้น

และที่สำคัญยังอ่านสนุกเพลิดเพลินกันอีกด้วยค่ะ และใครที่อยากสนับสนุนทางเราก็สามารถที่จะแชร์บทความของเราส่งต่อให้เพื่อนคนอื่น ๆ ได้อ่านเช่นกันค่ะ หากใครอยากอ่านเพิ่มก็สามารถหาอ่านเรื่องอื่นได้เช่นกันนะคะ

📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖 📖