บาบิโลน เมืองใหญ่แห่งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นเมืองโบราณที่มีอายุมากกว่า 4000 ปี ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดการสร้างตัวอักษร และตัวเลขของโลกรวมถึงเป็นต้นแบบของกฎหมายโลกอีกด้วย เป็นเมืองที่ก่อกำเนิดสถาปัตยกรรมสวนลอยฟ้าอีกด้วยค่ะ วันนี้แอดมินจะพาไปตามรอยประวัติศาสตร์ของบาลิโลนกันค่ะว่าจะมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง และขอแนะนำให้ทุกท่านไปติดตามบทความดี ๆ ของ เทคโนโลยีสุดล้ำจากจีน และขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดีของเราอย่าง คาสิโนออนไลน์ ที่สนับสนุนเกร็ดเรื่องราวทั้งความรู้ และประวัติศาสตร์ของเราอีกด้วยค่ะ
บาบิโลน เมืองใหญ่แห่งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
บาบิโลนเคยเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคเมโสโปเตเมียโบราณมีอายุมากกว่า 4000 ปี ถือเป็นเมืองที่ในอดีตนั้นเคยเป็นสูญกลางของอารยธรรมโบราณ และได้รับการรับรองจากองค์การมรดกโลกของยูเนสโก้ว่าเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 ขณะที่รัฐบาลอิรักได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมาซ่อมบำรุงเมืองบาบิโลน เมืองบาบิโลนตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริด และยูเพตริดตอนล่าง ปัจจุบันนี้เป็นดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศอิรักที่มีอารยธรรมเมโสโปเตเมียเป็นหลัก
เฮโรโดตัส บิดาแห่งประวัติศาสตร์ชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่านครบาบิโลนนั้นมีพื้นที่ 630 ตารางกิโลเมตร มีอาคารที่สร้างด้วยอิฐดินสีน้ำตาล มีกำแพงล้อมยาวถึง 100 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีประตู Ishtar Gate ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเรียงกันมีสัญลักษณ์ของสัตว์ที่มีหัวเป็นมังกร ลำตัวเป็นวัว สองขาหน้าเป็นขาแมว สองขาหลังเป็นขาของนกอินทรีย์
ชาวสุเมเรียนได้เข้ามาอาศัยที่ดินแดนแห่งนี้ 350-4000 ก่อนคริสตกาล ชาวสุเมเรียนได้ประดิษฐ์อักษรที่มีชื่อว่า Cuneiform ที่เป็นอักษรตัวแรกของโลก และได้ประดิษฐ์ตัวเลข ขณะเดียวกันด้วยความเจริญรุ่งเรืองของพื้นที่แห่งนี้ทำให้ชนชาติอื่น ๆ ได้เข้ามาโจมตี ในช่วงปี 1792-1750 ก่อนคริสตกาลจึงได้สร้างนครบาบิโลนขึ้น โดยได้รับการปกครองของกษัตริย์ฮัมมูราบีผู้ที่สามารถครอบครองดินแดนทั้งหมดของเมโสโปเตเมียไว้ได้
กษัตริย์ฮัมมูราบีได้ออกกฎหมายฮัมมูราบีจารึกไว้บนแท่งหินสีดำที่มีความสูง 2 เมตร ถือเป็นการจัดระบบกฎหมายใหม่เพื่อความสะดวกในการบริหารโดยการรวมต่างชาติ ต่างเมือง ต่างภาษามาอยู่ภายใต้การปกครองเดียวกัน นอกจากนี้ที่บาบิโลนยังกำเนิดสวนลอยฟ้าซึ่งถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมระดับโลก และเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัษจรรย์ของโลกอีกด้วย เพื่อสร้างขึ้นให้พระสนม Amytis คลายความคิดถึงที่มีต่อบ้านเกิด ปัจจุบันไม่ปรากฏหลักฐาน หรือซากปรักหักพังเหลืออยู่แต่ก็เป็นที่คาดว่าเมืองน่าจะอยู่ในที่ใดที่หนึ่งของอิรัก
🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃
