สงครามกลางเมืองอเมริกา

สงครามกลางเมืองอเมริกา ในประวัติศาสตร์ของโลกที่ผ่านมามักจะมีเรื่องของสงครามมาให้เรานั้นได้รับฟังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะประเทศใดก็ต้องผ่านเรื่องของสงครามทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศกันไม่มากก็น้อย แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยี ความคิด ความก้าวหน้าจะไปไกลแล้ว แต่ก็ยังมีสงครามระหว่างประเทศให้เห็นกันอยู่

วันนี้แอดมินจะพามาทำความรู้จักกับสงครามกลางเมืองอเมริกา ที่ใช้ระยะเวลาถึง 4 ปีก่อนจะยุติสงครามลงไปได้ (ปี ค.ศ. 1861 ถึง 1865) กับรัฐทางตอนใต้ของอเมริกา ที่อยากแยกปกครองตนเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปติดตามรับชมกันค่ะ หากทุกท่านสนใจประวัติสถานที่ของประเทศไทยแอดมินขอแนะนำ เจดีย์พระศรีสุริโยทัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทาง คาสิโนออนไลน์1688 ที่คอยให้การสนับสนุนทางเรา

สงครามกลางเมืองอเมริกา ใช้ระยะเวลาถึง 4 ปีก่อนจะยุติสงคราม

ก่อนที่จะเกิดสงครามใหญ่ ๆ มักเกิดสงครามย่อย ๆ ก่อน ครั้งนี้ก็เช่นกัน การปฏิวัติหลาย ๆ รัฐของทางตอนใต้อเมริกา ซึ่งมีต้นเหตุจากทางด้านเศรษฐกิจ และการปกครองที่แตกต่างกันระหว่างรัฐทางตอนเหนือ และรัฐทางตอนใต้ของประเทศ

โดยรัฐทางตอนเหนือนั้นใช้รูปแบบเศรษฐกิจแบบก้าวหน้า มีการก่อสร้างพื้นฐานอย่างถนน ระบบคลอง และมีการตั้งระบบเงิน ธนาคาร และสถาบันการเงิน และธุรกิจอีกหลากหลายที่แพร่กระจายอยู่ที่รัฐตอนเหนือ

แต่ทางรัฐตอนใต้แตกต่างกันออกไป โดยพึ่งพารายได้จากการทำเกษตรกรเพียงอย่างเดียว พืชผลที่ทำรายได้ให้หลัก ๆ เลยคือ ฝ้าย และแรงงานที่ใช้ก็เป็นระบบทาส เรียกได้ว่าทางตอนเหนือ และตอนใต้ห่างกันลิบลับเหมือนอยู่คนละโลกถึงแม้จะเป็นผืนแผ่นเดียวกัน

ทางตอนใต้รวยขึ้น ๆ ค่าจ้างทาสก็สูงขึ้นเช่นกัน ความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มขึ้นที่ประเด็นของการค้าทาส เพราะรัฐทางฝั่งเหนือมีความคิดที่จะล้มเลิกระบอบการค้าทาส แต่รัฐทางตอนใต้นั้นพึ่งพาระบบทาสโดยตรงจากเกษตรกรม

อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับการเลือกตั้ง ในปีค.ศ. 1860 ได้ดำเนินนโยบาย ขจัดระบบทาส จึงทำให้รัฐทางตอนใต้ 7 รัฐ รวมตัวกันประท้วงครั้งใหญ่ และได้ประกาศจะปกครองตนเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งทางอับราฮัม ลินคอล์น และรัฐทางตอนเหนือปฏิเสธที่จะรับรองรัฐใหม่ของทางตอนใต้

สงครามเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1861 เมื่อทางรัฐตอนเหนือ และอับราฮัม ลินคอล์นไม่ยอมรับการเป็นรัฐใหม่ของพวกเขา เริ่มจากการยึดท่าเรือ และเริ่มก่อเหตุการยิงกัน นำมาสู่การต่อสู้ที่ยืดยาวถึง 4 ปี และผู้เสียชีวิตมากกว่า 6 แสนคน

ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1865 อับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหารโดยจอห์นวิล บูธ นักแสดงที่ฝ่ายสมาพันธรัฐ นายจอห์นวิลสนับสนุนการเลิกทาส แต่เมื่ออับราฮัม ลินคอล์นต้องการที่จะให้ชาวผิวดำมีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง จึงทำให้คนผิวขาวไม่พอใจ และเกิดการลอบสังหาร

เมื่ออับราฮัม ลินคอล์นเสียชีวิต ในเช้าวันถัดไป แอนดรูว์ จอห์นสัน ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน และประกาศสิ้นสุดของสงครามความไม่สงบของทั้ง 2 ฝ่าย

แต่กว่าจะได้มาซึ่งการสิ้นสุด พวกเขาต้องสูญเสียประชากรไปมากมาย และสูญเสียทรัพย์สิน ความเสียหายของบ้านเมือง เรียกได้ว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของสหรัฐอเมริกาที่ได้มาเพื่อความเท่าเทียม ประวัติศาสตร์มีไว้ให้เรียนรู้ ศึกษา หากสิ่งใดที่ไม่ดีก็ไม่ควรเดินตามรอยแล้วเอาเป็นเยี่ยงย่างให้แก่คนรุ่นใหม่