เรื่องราวของยาอายุวัฒนะ

วันนี้เราจะมาพูดถึง เรื่องราวของยาอายุวัฒนะ ที่เกิดขึ้นจริงในดินแดนมังกรแผ่นดินใหญ่กันค่ะ การไม่ตาย หรือว่าการมีอายุยืน นับว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการใช่มั้ยล่ะคะ โดยฉะเพราะอย่างยิ่งเมื่อมนุษย์คนนั้นประสบความสำเร็จถึงขีดสุด หรือว่าถึงขั้นได้ครอบครองอาณาจักรอันแสนสุดสบายแล้ว ก็คงไม่มีใครอยากที่จะจบชีวิต หรือว่าสิ้นสุดลงง่ายๆ เดี๋ยวเราจะมาเรียนรู้กันค่ะ แล้วในวันนี้แอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม บาดแผลแห่งความเชื่อ วัฒนธรรมของการขริบ กันด้วยนะคะ แล้วก็ต้องขอขอบคุณ คาสิโนออนไลน์ ที่สนับสนุนเราวันนี้ด้วยค่ะ

เรื่องราวของยาอายุวัฒนะ และประวัติศาสตร์ของดินแดนมังกร

เรื่องราวของยาอายุวัฒนะ
ของคนจีน

ในอดีตนั้นผู้นำหรือว่ากษัตริย์ของโลก ล้วนมีความพยายามในการค้นหาวิธี ที่จะมีอายุยืนยาวหรือเป็นอมตะ หรือแม้แต่เชื่อในชีวิตหลังความตาย ในวันนี้แอดมินก็จะยกความเคลื่อนไหว ในประวัติศาสตร์ประเทศจีน เรื่องราวขององค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ รวบรวมอาณาจักรจีน ให้เป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรก อย่างจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งพระองค์ก็เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ต้องการเสาะหายาอายุวัฒนะ และมีความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตายเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

จิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งแปลตรงตัวว่าจักรพรรดิพระองค์แรกของประเทศจีน เป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน และเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน ที่รวบรวมประเทศเป็นปึกแผ่น ทรงปกครองตั้งแต่ 221 ปีก่อนคริสตกาล ถึง 210 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์เป็นผู้ปกครองรัฐฉิน และมีพระนามว่าชิ้นหวังเจิ้ง ต่อมาทรงสถาปนาและไม่ได้ใช้ตำแหน่งราชา เนื่องจากถูกใช้ในสมัยราชวงศ์ซานและโจแล้ว ใช้ตำแหน่งหว่างปีหรือราชาธิราชแทน 

เรื่องราวของยาอายุวัฒนะ
สมุนไพร

เขามีลี่ฉือเป็นอคารเสนาบดี ช่วยจิ๋นซีฮ่องเต้ ในการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และประเพณี มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการศึกษาครั้งใหญ่ มีการรวบรวมกำแพงเมืองของแต่ละเมืองเข้าด้วยกัน จนเป็นกำแพงเมืองจีนอันยิ่งใหญ่ พัฒนาระบบถนนใหม่ทั่วประเทศ สร้างสุสานหลวงที่มีรูปปั้นองครักษ์ขนาดเท่าตัวคนจริงอยู่ถึง 8000 ตัว อันเป็นส่วนหนึ่งที่นักวิจัยแล้วนักโบราณคดีเชื่อกันว่า พระองค์ทรงเชื่อมั่น

ในเรื่องของชีวิตหลังความตาย และหนึ่งในนั้นที่สอดคล้องกับความต้องการเป็นอมตะ หรือมีชีวิตที่ยืนยาวนั้นก็คือแผนการในการเสาะหาและคิดค้นน้ำอัมฤทธิ์ หรือยาอายุวัฒนตลอดจนชั่วชีวิตการปกครองของพระองค์ ซึ่งแม้ในท้ายที่สุดพระองค์ก็สวรรคตในปี 210 ปีก่อนคริสตกาลนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของบันทึกของซือหม่าเชียน ซึ่งเค้าคนนี้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ ทำให้ประวัติศาสตร์จีนได้รับการสืลบทอด

มาจนถึงปัจจุบัน เพราะว่าเค้านั้นเป็นนักบันทึกเรื่องราว มาตั้งแต่สมัยที่เค้านั้นยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ช่วงประมาณ 140 – 87 ปีก่อนคริสตกาล ด้วยอายุราวกว่า 50 ปี และการศึกษาค้นคว้า รวมถึงบันทึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นหลักฐานอันมีอยู่จริง ทำให้ประวัติศาสตร์ของดดินแดนมังกรรวมแล้วกว่า 3000 ปีนั้น ถูกถ่ายทอดอยู่ในรูปแบบของซื่อจี๊ หรือว่าบันทุกประวัติศาสตร์นั่นเองค่ะ

🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥 🔥