เส้นทางสายไหม จุดเชื่อมวัฒนธรรมตะวันออก-ตะวันตก หากใครได้เรียนประวัติศาสตร์มาบ้างแล้วก็จะคุ้น ๆ กับเส้นทางการค้านี้เป็นอย่างดีที่มีส่วนสำคัญในการแลกเปลี่ยนอารยธรรมของชาติตะวันตก และชาติตะวันออก นั่นคืออารยธรรมโรมัน และอารยธรรมจีนที่ได้มีการแลกเปลี่ยนการค้ากัน หากใครอยากทราบว่าเส้นทางสายไหมนี่ก็เกิดขึ้นได้อย่างไรวันนี้แอดมินจะมาเล่าย้อนประวัติศาสตร์ให้ฟังกันค่ะ และสถานที่ที่เก่าแก่และมีความโบราณมาก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสถานที่สำคัญ วัดบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม และขอขอบคุณทาง บาคาร่า 168 ที่สนับสนุนเรื่องราวประวัติศาสตร์ของทางเราอีกด้วย
เส้นทางสายไหม จุดเชื่อมวัฒนธรรมตะวันออก-ตะวันตก
เส้นทางสายไหม เป็นเส้นทางการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่มีมาก่อนคริสต์ศักราช 200 ปี มาแล้วโดยเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของจีน กับวัฒนธรรมโรมันในขณะนั้น ซึ่งการเดินทางติดต่อค้าขายไกลถึง 4000 ไมล์ หรือประมาณ 6500 กิโลเมตร เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ใช้ติดต่อค้าขายทำให้เมื่อมีคนใช้เส้นทางนี้มากขึ้นเขาจึงเรียกว่า เส้นทางสายไหม
ด้วยตามนิสัยพ่อค้าที่ต้องการหาของมาค้าขายจึงได้มีการเดินทางติดต่อไปตามอารยธรรมต่าง ๆ มากขึ้น พ่อค้าชาวจีนเห็นว่าการไปนำของจากอารยธรรมโรมันมาขายที่บ้านเกิดตนเองนั้นสามารถทำเงินได้มากมาย และการนำอารยธรรมบ้านเกิดของตนไปขายให้กับอารยธรรมอื่นก็ได้เงินจำนวนมหาศาล ดังนั้น ในหัวคิดของทางการค้าจึงทำให้เกิดเส้นทางนี้ขึ้นมา
โดยมีบันทึกจากทางราชวงศ์ฮั่นให้ราชทูตคนหนึ่งที่ชื่อว่า จางเชียน ให้ไปหาม้าพันธุ์ดีมาเพื่อเตรียมการรบต่อสู้ เนื่องจากม้าของจีนในสมัยนั้นไม่ดีนัก จางเชียนจึงเดินทางไปหาม้าพันธุ์นี้ที่ปัจจุบันก็คือ อุซเบกิสถาน ซึ่งม้าตัวนี้จะชื่อว่า ม้าเหงื่อโลหิต ต้าหยวน ซึ่งเป็นม้าของลิโป้นั่นเอง และผู้คนต่างก็คือว่า จางเชียน คือผู้ที่เปิดเส้นทางสายไหมนี่เป็นคนแรก
นอกจากการค้าขายแล้ว เส้นทางนี้ยังเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ของจีน และโรมันแต่มี ตะวันออกกลาง เปอร์เซีย เมโสโปเตรเมีย และอีกมากมายอีกด้วย เช่น การเกิดศาสนาที่มีศาสนาพุทธในอินเดีย ศาสนาอิสลามที่เกิดในคาบสมุทรอาหรับ เป็นต้น คนดังที่เรารู้จักพร้อมกับเส้นทางสายไหมอีกคนคือ มาร์โค โปโล เขาเป็นนักเดินทางจากเมืองเวนิซประเทศอิตาลี เขาเดินทางแสวงหาโชคตั้งแต่ปี 1271-1295 เป็นยุคสมัยที่จีนมีอำนาจมาก เขาจึงได้ทำหน้าเป็นราชทูตไปสำรวจเมืองต่าง ๆ
แต่เส้นทางสายไหมก็มียุคเสื่อมความนิยมเช่นกัน โดยมีสาเหตุมาจากหลายอย่างด้วยกัน เช่นเรื่องของดินปืน เนื่องจากหลายประเทศได้รู้จักดินปืนของจีนทำให้ศักยภาพในการก่อสงครามของแต่ละประเทศสูงขึ้นอย่างมาก โดยเกิดสงครามการล่มสลายของอาณาจักรไบแซนไทน์อีกด้วย นี่จึงเป็นที่มาคร่าว ๆ ของเส้นทางสายไหมที่เรารู้จักกันในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั่นเอง
🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃 🎃🎃 🎃 🎃
