ค่าไฟแพง หน้าร้อนนี้ทำยังไงดี

และในวันนี้นะคะ ความรู้ทั่วไป ที่เราจะนำมาให้ทุกคนรู้จักกันในวันนี้นั้นก็คือ ค่าไฟแพง หน้าร้อนนี้ทำยังไงดี หลายคนต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟที่แพงขึ้นจนแทบจะลมจับ แต่ในบทความนี้จะมาบอกวิธีรับมือกับสถานการณ์นี้กันค่ะ

แต่ก่อนที่เรานั้นจะไปอ่านบทความที่น่าสนใจนี้นั้น ก่อนอื่นเลยแอดมินเองก็ต้องขอขอบคุณทาง ufath168 ผู้สนับสนุนหลักของเรา และห้ามพลาดบทความที่น่าสนใจกับ การหลอกลวงครั้งใหญ่ ที่ใช้ระยะเวลาหลอกนานถึง 700 ปีกันเลยทีเดียวค่ะ นับว่าเป็นประวัติศาสตร์การหลอกที่ทุกท่านไม่ควรพลาดเลยนะ

ค่าไฟแพง หน้าร้อนนี้ทำยังไงดี รับมือกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้น

ค่าไฟแพง

ก่อนที่เรานั้นจะไปคิดว่า ค่าไฟแพง หน้าร้อนนี้ทำยังไงดี ก่อนอื่นเลยเรามาดูกันก่อนว่าเขาคิดค่าไฟกันอย่างไร เพื่อที่เรานั้นจะได้รู้กฎกติกาในการคำนวณค่าไฟให้ถูกต้อง และรับมือได้ถูกวิธีนั่นเองค่ะ การคิดค่าไฟนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 กล่องด้วยกัน นั่นคือ ค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าผันแปร ค่าบริการรายเดือน และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • ค่าไฟฟ้าฐาน ได้มาจาก เงินลงทุน อย่างเช่น การลงทุนการสร้างไฟฟ้า การสร้างระบบส่งไฟ เป็นต้น และอีกส่วนได้มาจากต้นทุนเชื้อเพลิง จึงไม่มีการปรับค่าไฟฟ้าฐานกันบ่อยเพราะต้องคำนวณยิบย่อยเยอะมาก ๆ ซึ่งค่าไฟฟ้าฐานที่เราใช้นั้นใช้มาตั้งแต่ พฤศจิกายน พ.ศ.2558 แล้วนั่นเองค่ะ โดยใครนั้นใช้ไฟเยอะยิ่งจะต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นนั่นเองค่ะ เป็นการคำนวณแบบอัตราก้าวหน้านั่นเอง
  • ค่าไฟฟ้าผันแปร เป็นค่าที่ขึ้นลงได้ตลอดเวลา โดยจะถูกปรับทุก 4 เดือน หน่วยงานที่เป็นคนปรับค่านี้ก็คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นั่นเองค่ะ ซึ่งมันขึ้นด้วยหลายปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่นประเทศไทยของเรานั้นใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า แต่ประเทศไทยของเรานั้นสามารถผลิตได้น้อยลง

จึงต้องมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ และแน่นอนว่าในช่วงสงครามที่ผ่านมาอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ค่า FT นั้นสูงขึ้นมาก ๆ เพราะรัสเซียนั้นเป็นผู้จำหน่ายก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับสองของโลกเลยทีเดียว

ช่วงที่สงครามโลกนั้นบูมใหม่ ๆ เราจ่ายค่า FT เยอะมาก ๆ ถ้าเทียบกับปีนี้ที่ค่า FT นั้นได้ลดลงมาเยอะกว่า 50 สตางค์แล้วนั่นเองค่ะ ต้องบอกเลยว่าสองกล่องที่ผู้เขียนได้กล่าวไปนั้นมีผลต่อค่าไฟแพงมาก ๆ เลยนะ

  • ค่าบริการรายเดือน ได้แก่ ค่าจดหน่วย ค่าทำหน่วย ค่าบิลไฟฟ้าใด ๆ ที่เราได้รับกันทุกเดือนนั่นเองค่ะ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นสิ่งทั่วไปที่เรานั้นจะต้องเสียกันอยู่แล้ว ไม่ว่าเรานั้นจะซื้อของอะไรใด ๆ ก็ตามแต่

นี่คือสี่กล่องที่ผู้เขียนนั้นจะต้องอธิบายให้ผู้อ่านนั้นเข้าใจเสียก่อนที่เราจะไปลงดีเทลการคำนวณค่าไฟนั่นเองค่ะ ขั้นตอนที่ 1 ในการคำนวณค่าไฟนั้น โดยเขาจะเอาค่าไฟฐาน+ค่าไฟผันแปรมาคูณกับจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ หลังจากนั้นขั้นตอนที่ 2 คือนำค่าที่ได้มาบวกกับค่าบริการรายเดือน มาถึงขั้นตอนที่ 3 จะนำค่าสุดท้ายมาคูณกับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มนั่นเองค่ะ

ง่าย ๆ ก็คือจะต้องนำแต่ละค่ามาบวกมาคูณตามเสต็ปเพื่อที่จะได้มาซึ่งค่าไฟที่เรานั้นจะต้องเสียแต่ละเดือนนั่นเองค่ะ และแน่นอนว่าอากาศที่ร้อนมากขึ้นทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้านเรานั้นกินไฟมากขึ้น เป็นที่มาของการเสียค่าไฟแบบมหาโหดที่สุดของปีเลยก็ว่าได้ค่ะ

ค่าไฟแพง

มีการทำวิจัยออกมาเลยนะคะว่า อุณหภูมินอกบ้านที่เพิ่มขึ้น 1 องศานั้น จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์นั้นหนักขึ้นถึง 3% กันเลยทีเดียวค่ะ และนอกจากนี้พฤติกรรมของเราในช่วงฤดูร้อนยังเปลี่ยนไปมากอีกด้วย จากปกติหลายคนนั้นอาจจะไม่ทานน้ำเย็น

แต่พอหน้าร้อนนี่เปิดตู้เย็นกันไม่พักเลยทีเดียว ทำให้การทำงานของตู้เย็นนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรานั้นได้จ่ายค่าไฟเพิ่มนั่นเองค่ะ สิ่งแรกที่เราจะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าได้มากขึ้น แน่นอนว่าทุกบ้านนั้นในปัจจุบันแทบจะมีแอร์กันหมดแล้วนั้น

ค่าไฟแพง

การหมั่นล้างแอร์ 2 ครั้ง/ปี นั้นจะทำให้แอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และประหยัดไฟด้วยค่ะ การเปิดแอร์ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเช่น 25 องศาเซลเซียส ซึ่งห่างจากอากาศข้างนอกไม่กี่องศาจะทำให้แอร์นั้นทำงานได้น้อยลง อย่าพยายามปรับแอร์ให้อุณหภูมิห่างจากข้างนอกมากเกินไปค่ะ

ในส่วนของตู้เย็นนั้นอย่าพยายามยัดอาหารให้เต็มตู้เย็นเพราะจะทำให้ตู้เย็นนั้นทำงานหนักขึ้นมาก ๆ เพราะยิ่งเราอัดเข้าไปเยอะความเย็นมันกระจายได้ไม่ทั่วถึงมันก็จะพยายามมากยิ่งขึ้น ก็จะกินไฟเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเองค่ะ และหากใครชอบเดินเล่นอาจจะไปเดินห้างตากแอร์เพื่อลดค่าไฟในห้องได้วยนะ

หน้าร้อนนี้เอาใจช่วยทุกท่านให้ผ่านอุณหภูมิที่ร้อนระอุ พร้อมกับค่าไฟที่แพงมาก ๆ กันด้วยนะคะ และครั้งหน้าเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสาระความรู้อะไรอีกนั้นอย่าลืมติดตามบทความที่น่าสนใจของเราบนเว็บไซต์กันด้วยนะคะ รับรองว่าทุกท่านจะอ่านกันเพลิน ๆ ถูกใจทุกเรื่องกันอย่างแน่นอน